
พระธาตุอินแขวน
เรียบเรียงโดย บรามี
กลับมาอีกครั้งนะคะ ได้เวลาเล่าเรืองใหม่กันอีกแล้ว หายหน้าหายตาไปสักพักใหญ่ ๆ ก็เรียกว่าให้คุณผู้อ่านรอกันอีกแล้ว ขออภัยนะคะ
ช่วงนี้บรามี มีภารกิจที่จะต้องเดินทางไปโน่นมานี่บ่อย ๆ โดยเฉพาะไปภาคเหนือนี่ เรียกว่าไปกัน เดือนเว้นเดือนแลย เรียกว่ามีภารกิจต้องไปค้นหาเรืองราวในอดีตกันนิดหน่อยนะคะ เรืองราวประวัติศาสตร์ล้วนแล้วแต่น่าค้นหานะคะ เนืองจากถ้าไม่มีอดีต ก็จะไม่มีเรืองราวปัจจุบัน แล้ว จะมีอนาคตได้อย่างไรกันคะ ดังนั้น บรามีก็ถือโอกาส พาคุณ ๆ ผู้อ่าน ย้อนเวลากลับไปสู่อดีต โดยเฉพาะการไปกราบไหว้สถานที่ศักดิสิทธิเพือขอพรให้ตัวคุณเอง และครอบครัว ถือเป็นเรืองที่ควรกระทำสม่ำเสมอนะคะ สบายใจและถือว่าคุณ ๆ ได้ทำการระลึกถึงพระพุทธเจ้าเสมอ ๆ ค่ะ
พระธาตุอินแขวนอันศักดิสิทธิ็นี้ ตามประวัติเชือว่าเป็นการร่วมมือกันสร้างระหว่างท่านพระอินทร์ และท่านฤาษีติสสะค่ะ สืบเนืองมาจากท่านฤาษีติสสะต้องการจะนำมวยผมแห่งพระพุทธเจ้าซึ่งท่านฤาษีได้ซ่อนไว้ในมวยผมของตนเองมาเป็นเวลานาน เมือท่านต้องละสังขารจากโลกนี้ก็ต้องหาที่ประดิษฐานมวยผมอันศักดิสิทธิ์แห่งพระพุทธองค์นะคะ ร้อนถึงท่านองค์อินทร์ก็ต้่องนำก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายศรีษะแห่งท่านฤาษีนำมาแขวนไว้บนหน้าผาอันสูงชัน และนี่ก็เป็นที่มาว่า ทำไมพระธาตุอินแขวนถึงมีคนหลายล้าน หลายแสนคน แวะกันมากราบไหว้ไม่ได้สิ้นสุด เนืองจากหินก้อนนี้ไม่ใช่เล็ก ๆ นะคะ แต่ว่า ยืนหยัดมาได้บนขุนเขาโดยไม่หวั้นไหวต่อแรงโน้มของโลกค่ะ
นี่ละกระม้ังคะ ที่เรียกว่าปาฏิหารย์แห่งพระพุทธองค์ กฏเกณฑ์ใด ๆ บนโลกก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับศรัทธาที่แท้จริงต่อพระพุทธองค์ค่ะ
พม่าจัดเป็นประเทศที่ใกล้ชิดกับประเทศไทยมาก ทั้งสองประเทศมีความเกียวพันกันทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ และ ศาสนาอย่างมาก มาเป็นเวลานานแสนนาน ประชาชนของสองประเทศได้พากันเดินทา่งไปกราบพระธาตุของแต่ละประเทศกันมาอย่างยาวนานต่อเนืื้องนานเป็นพัน ๆ ปีแล้วค่ะ
บรามียังไม่มีโอกาสไปกราบพระธาตุิิอินแขวนนะคะ เพียงแต่วันนี้ทำการหาข้อมูล แล้วก็เลยเอามานำเสนอให้คุณผู้อ่านได้ทราบประวัติกันนะคะ คุณ ๆ ที่ได้ไปสักการะมาแล้ว มาเล่าต่อกันได้นะคะ สำหรับคุณ ๆ ที่ยังไม่ได้ไปกราบก็ลองนัดกันได้นะคะ บางที การเดินทางคราวหน้า เราอาจพบกันได้ที่พระธาตุิอินแขวนนะคะ ทักกันได้นะคะ ถ้าพอจะจำกันได้
เชิญอ่านประวัติและชมภาพพระธาตุอันศักดิสิทธิได้นะคะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ
เจดีย์ไจก์ทิโย (Kaiktiyo Pagoda) หรือในชื่อเรียกที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักคือ พระธาตุอินทร์แขวน โดยมีความเชื่อมาแต่ครั้งโบราณว่า พระอินทร์ได้เสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์เพื่อนำพระธาตุมาวางไว้ที่ยอดผา เพื่อให้ผู้คนได้มาเคารพสักการะ เจดีย์นี้ตั้งอยู่ในเมืองไจก์โท่ (Kyaikhato) ที่อยู่ห่างจาก เมืองพะโคไปทางเหนือประมาณ 70 กิโลเมตร
เจดีย์แห่งนี้เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะที่แปลกแตกต่างไปจากเจดีย์อื่นๆ คือเป็นลักษณะของก้อนหินที่ปิดทองไว้รอบๆ องค์เจดีย์ ตั้งวางอยู่บนปลายหน้าผาได้อย่างน่าอัศจรรย์ บนความสูงจากพื้นดินกว่า 1,200 เมตร การเดินทางเข้าไปสักการะเจดีย์แห่งนี้จะต้องเดินทางด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ขึ้นไประยะทาง 12 กิโลเมตรโดยใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง
พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจ้กทิโย ในภาษามอญ หมายความว่า หินรูปหัวฤๅษี พระธาตุอินทร์แขวน ตั้งอยู่ที่เมืองไจ้ก์โถ่ อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญของประเทศพม่า บนยอดเขา Paung Laung เหนือระดับ น้ำทะเล 3,615 ฟุต ลักษณะเด่นของพระธาตุอินทร์แขวนคือ มีลักษณะเป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจะหล่นและท้าทายแรงดึงดูดของโลกโดยไม่ตกลงมาอย่างเหลือเชื่อ พระธาตุอินทร์แขวนนับเป็น1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวพม่าต้องไปสักการะ และยังเป็นพระธาตุประจำปีจอ (สุนัข) ที่คนเกิดปีนี้ต้องไปนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิต ตำนาน มีตำนานเล่าขานกันในสมัยพุทธกาลว่า ฤๅษีติสสะเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงมอบให้ไว้เป็นตัวแทนของพระ พุทธองค์ให้ประชาชนสักการะ เมื่อครั้นได้มาแสดงธรรมเทศนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ ส่วนฤๅษีติสสะกลับนำไปซ่อนไว้ในมวยผม เมื่อเวลาล่วงเลยถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขารเต็มที เขาตั้งใจไว้ว่าจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายกับศีรษะ ของเขา ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) จึงช่วยเสาะหาก้อนหินดังกล่าวจากใต้ท้องมหาสมุทรและนำมาวางหรือแขวนไว้บน ภูเขาหิน บางตำนานก็เล่าว่า มีฤๅษีองค์หนึ่งซ่อนพระเกศาที่ได้รับมาจากพระพุทธเจ้าเมื่อครั้นมาโปรดสัตว์ ในถ้ำไว้ในมวยผมมาเป็นเวลานาน เมื่อใกล้ถึงวาระที่จะต้องละสังขารจึงตัดสินใจมอบพระเกศาให้กับพระเจ้าติสสะ กษัตริย์ผู้ครองนครแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบุตรของลูกศิษย์ที่นำมาฝากให้ฤๅษีช่วยเลี้ยงดูตั้งแต่เล็ก แต่ก่อนอื่นพระเจ้าติสสะต้องหาก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายศีรษะของฤๅษี โดยมีพระอินทร์เป็นผู้ช่วยค้นหาจากใต้สมุทรนำมาวางไว้ที่หน้าผา