.jpg)
ตำนานเมืองลับแล
เรืองโดย บรามี
สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน หายหน้าหายตาไปนานนะคะไม่ได้ส่งเรืองมาลงพักใหญ่พักโต เนืองจากมีภารกิจส่วนตัวค่อนข้างมาก นี่ก็เลยมาเข้าครึ่งปีของปี 2558 แล้ว เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก นี่ละหนา ที่เขาบอกว่า สายน้ำ และกาลเวลา ที่ผ่านแล้วก็ผ่านไป ไม่มีวันจะเรียกกลับคืนมาได้ ดังนั้น สิ่งใดที่เราฝันและตั้งใจที่จะทำ ก็ควรทำให้สำเร็จตามความตั้งใจนะคะ เนื่องจากเวลาไม่คอยใคร แต่ไม่ว่าคุณคิดจะทำสิ่งใด ก็ควรคิดทำแต่สิ่งดีเป็นหลักนะคะ ความดีจะนำมาซึ่งความสุข และรักษาโลกนี้ไว้ได้ คุณธรรมมีค่าสูงสุดและจะเป็นพลังสำคัญในการค้ำจุนจักรวาลนี้ไว้ได้คะ
พูดกันถึงเรืองเวลาที่ไม่เคยหยุดและไม่รอใคร คุณ ๆ จะเชือไหมคะว่ามีที่หนึ่งที่เวลานั้นหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่ไปตามการหมุนรอบตัวของโลก ผู้คนในที่นั้นมีชีวิตเป็นอมตะ ไม่รู้จักแก่เฒ่า มีแต่ความสุข คุณ ๆ อยากไปอยู่สถานที่แบบนี้ไหมคะ สถานที่ ๆ โลกหยุดหมุน
เมือง ๆ นั้นก็คือเมืองลับแลคะ เมืองลับแล หรือเมืองแลลับ เมืองที่มองไม่เห็น คนที่เห็นก็เหมือนจะเห็นแบบ เลือน ๆ ลาง ๆ เหมือนจะเห็นแต่เข้าไปไม่ได้ สัมผัสไม่ได้ ตำนานเมืองลับแล หรือเมืองแม่ม่าย ที่กล่าวขานกันมานานแสน นาน แต่จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใคร ยืนยันได้ว่า เมืองลับแล แท้จริงแล้วคือสถานที่ใดกันแน่
เมืองที่ว่าก็คือเมืองลับแลคะ มีอยู่จริงบนโลกนี้ แต่ว่า ก็สมชือนะคะ เมืองลับแล หรือเมืองแล ลับ มองหาอย่างไรก็ไม่เห็น วันก่อนบรามีอ่านข่าวเรืองการเปิดปากถ้าเมืองลับแล ก็เลยชวนอาจารย์โอม และ อาจารย์แอนไปสำรวจกัน ตามความอยากรู้อยากเห็นของเรา 3คน ไปกันมาหลายที่คะ สนุกสนาน แต่โปรแกรมทรหดอดทนมาก เนืองจากเวลามีจำกัดคะ
แตคุ้มสุดคุ้มกับความเหนือยนะคะ เนืองจากเราได้กราบสักการะสิ่งศักดิสิทธิคู่บ้านคู่เมืองประจำจังหวัดเชียงใหม่ สุโขทัย และ พิษณุโลก รวามถึงอุตรดิตถ์ด้วยคะ และเมืองลับแลเป็นที่สุดท้ายที่เราได้ทำการสักการะสิ่งศักดิสิทธที่อยู่ในตำนานเล่าขานกันมานานแสนนานคะ
เรืองที่เราได้ทราบกันมาก่อนก็คือเรืองราวของชายหนุ่มได้ติดตามสาวเมืองลับแล แล้วเข้าไปใช้ขีวิตคู่
อยู่ด้วยกันจนกระทั่งมีลูกชายสืบสกุล 1 คน แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกเนื่องจากคนเมืองลับแล มีกฏเหล็กว่า ห้ามพูดโกหกโดยเด็ดขาด คนโกหกจะต้องถูกขับไล่ออกจากเมืองไป แล้ววันที่ต้องพลัดพรากก็มาถึง เมือวันนึงเด็กน้อยร้องไห้หาแม่ ชายหนุ่มผุ้เป็นพ่อจะปลอบอย่างไรก็ไม่หยุด จนกระทั้งเผลอหลุดปากพูดไปว่า “ แม่มาแล้ว”ๆ เมือเพือนบ้านได้ยินชายผู้นี้พูดโกหกก็ได้พากันขับไล่ออกจากเมืองไป ฝ่ายภรรยา เมือกลับบ้านมาก็เศร้าใจ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเนืองจากต้องรักษากฏข้อนี้ไว้ จึงต้องไล่สามีออกจากบ้านแต่ไม่ลืมที่จะจัดของให้ พร้อมสั้งว่า ห้ามเปิดดูห่อของเด็ดขาด จนกว่าจะออกจากหมู่บ้านเมืองลับแลไป แต่ไม่ถึงทางออกหรอกค่ะ ชายหนุ่มแกะห่อผ้าออกดูว่าภรรยาเอาอะไรมาให้ ก็พบว่ามีแต่หัวขมิ้นหลายแง่งมากก็เลยเอาทิ้งไป เพราะว่าหนทางทีจะออกจากป่ายังอีกไกล เหลือไว้เพียงหัวเดียว แต่เมือเขาออกจากป่ามาสู่เมืองมนุษย์ได้ กลับพบว่า หัวขมิ้นที่แท้จริง ก็คือทองคำแท่งบริสุทธิ์
เรืองราวคร่าว ๆ มีเท่านี้นะคะ บรามีและคณะก็ได้เดินทางออกสำรวจ คณะของเราก็ได้เดินเทียวชมโดยรอบ รอบ ๆ ป่าสงบเงียบ หลังจากที่พวกเราได้ทำการขออนุญาตจากท่านพญานาคที่เผ้าหน้าทางขึ้นนะคะ ก็ต้องมือไม้อ่อนเป็นธรรมดา เมือคุณเดินผ่านเข้าไป เหมือนเวลาจะหยุดนิ่งอยู่จริงๆ ค่ะ เนินเขาไม่สูงนะคะ แต่ว่าถ้าเดินก็คงเอาเรือง เมือไปถึงยอดเขา พบแต่ความเงียบ จนหูอื้อเลยคะ คณะของเราสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง ที่ทรงพลัง แต่ว่า สุขุม และเต็มไปด้วยความปราณี
แม่ย่าลับแลที่ปกปักรักษาที่แห่งนี้ ท่านเป็นผู้ทีมีศีลธรรมสูงมากนะคะ แม่ย่ามีอายุหลายร้อยหลายพันปี แต่ก็ยังมีความงามที่นางเอกสมัยนี้หลาย ๆ คนยังต้องอาย ลักษณะปากถ้าน่าจะเป็นที่อยู่ของผุ้ที่มีชีวิตอยู่ในโลกบาดาล ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเหล่าพญานาคผู้ทรงศีล เหล่าแม่ย่าแห่งเมืองลับแลเป็นแม่ย่าพญานาคาที่ประพฤติพรหมจรรย์ ยึดถือซึ่งศีลธรรมและปฏิบัติตัวตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อที่จะได้หลุดพ้น บรามีมาคิด ๆ ดูกับเรืองราวปรัมปรา หัวขมิ้นที่ชายหนุ่มถือออกมาจากเมืองลับแล แล้วกลายเป็นทอง คงเปรียบได้กับความดีที่ต้องรักษาไว้ให้ดี เนืองจากความดีนั้นทำยาก แต่เมือทำสำเร็จจะมีค่าดุจทองคำ แต่ถ้าคุณทำไมได้ แท่งทองก็กลับไปเป็นแค่หัวขมิ้นธรรมดา ไม่มีคุณค่าอะไร ความดีนั้นทำยากจริง ๆค่ะ แต่เมือทำแล้วเราจะรู้สึกภูมิใจเหมือนได้ครอบครองทองแท่ง หรือ ของมีค่าที่คุณปรารถนา แต่เชือเถอะคะ ของมีค่าใด ๆ ก็ไม่มีค่าเท่ากับ ความดีที่อยู่ในใจคุณค่ะ
เรืองนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ เรืองราวแม่ย่าแห่งเมืองลับแล เป็นเพียงความรู้สึกนึกคิดและข้อสันนิษฐานของบรามีและคณะ เนืองจากนี่คือสิ่งที่พวกเราสัมผัสได้และ จากการตรวจดูลักษณะถ้า และจากการสื่อสารพร้อมทั้งข้อมูลที่ได้รับ ก่อนจากปากถ้า บรามีอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปดูอีกครั้ง ปากถ้าที่ถูกปูนปิดทับไว้ แต่ว่าเหมือนกับมีเสียงเรียกให้เราได้กลับเข้าไปอีก เหมื่อนกับได้ดูหนังย้อนยุคอะไรประมาณนั้นล่ะคะ ได้บรรยากาศที่ประทับใจและบรามีจะไม่มีวันลืมสถานที่นีเลยคะ
คุณๆ ถ้าว่างก็ไปแวะเยียมชมได้นะคะ อุตรดิตถ์เมืองเขาสวยน่าเทียวชมจริง ๆ ค่ะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ เรืองราวดี ๆ สรรหามาฝากยังมีอีกมากคะ
บรามี